Social

มิติสังคม

บริษัทให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การดูแลและพัฒนาทรัพยากรบุคคล ความปลอดภัยอาชีวะอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน การบริการลูกค้า และการมีส่วนร่วมกับชุมชน โดยเน้นความเท่าเทียม การมีส่วนร่วม และการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ

การช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยเมื่อเกิดภัยพิบัติ

การช่วยเหลือเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ ณ อ.หาดใหญ จ.สงขลา

บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลลูกค้าในสถานการณ์วิกฤต โดยเฉพาะภัยพิบัติที่ส่งผลต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของประชาชน การให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โปร่งใส และเป็นธรรม คือหลักการสำคัญของบริษัท ภายใต้แนวคิด “ยิ้มได้เมื่อภัยมา” ที่สะท้อนเจตนารมณ์ขององค์กรในการเป็นหลักประกันความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าและสังคม

ในช่วงเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บริษัทได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนภายใต้การนำของ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ซึ่งได้สั่งการให้ระดมเจ้าหน้าที่พร้อมรถยกและรถลากกว่า 40 คัน ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทันทีหลังสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้เพื่อช่วยยก–ลาก–เคลื่อนย้ายรถยนต์ของลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง และนำเข้าสู่ขั้นตอนตรวจประเมินความเสียหายและซ่อมแซมโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาผลกระทบและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม

CEO มาดามแป้งกล่าวถึงภารกิจครั้งนี้ว่า “พนักงานเมืองไทยประกันภัยทุกคนรู้ดีว่าเราคือส่วนหนึ่งที่ช่วยเยียวยาเมื่อเกิดภัย การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นความมุ่งมั่นในการดูแลลูกค้าในช่วงเวลาวิกฤต เพื่อเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ให้กับผู้ประสบภัยทุกคน และเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันอีกครั้ง”


บริการดังกล่าวครอบคลุมทั้งประกันภัยทรัพย์สินและประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินการเคลมได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลารอคอย และเพิ่มความมั่นใจว่าบริษัทจะอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์

การดำเนินงานทั้งหมดสะท้อนความมุ่งมั่นของเมืองไทยประกันภัยในการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญต่อผู้เอาประกันภัยอย่างแท้จริง โดยเน้นความรวดเร็ว ความพร้อม และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยแก่ลูกค้าทั่วประเทศในยามเกิดภัยพิบัติ

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุทธยา

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และในฐานะ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่กองอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเหตุน้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา มอบเงินบริจาคจำนวน 100,000 บาท พร้อมด้วยน้ำดื่มจำนวน 1,200 ขวด และส่งมอบเสื้อยืดมูลนิธิมาดามแป้ง จำนวน 1,000 ตัว เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาวอยุธยาที่ประสบอุทกภัย โดยมี นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกอบจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้รับมอบ ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา



เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน

การบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
(Customer Relationship Management)

บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในทุกขั้นตอนของการรับประกันภัย ภายใต้หลัก “ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity)” โดยให้ความสำคัญทั้งด้านคุณภาพบริการ ความโปร่งใส ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าผ่านนวัตกรรมดิจิทัล เช่น MTI Friends Application, ระบบติดตามสถานะเคลม, Call Center 1484, และศูนย์บริการลูกค้าทั่วประเทศ กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนโดยมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจ ความไว้วางใจ และความผูกพันระยะยาวกับลูกค้าทุกกลุ่ม

เป้าหมายการดำเนินงาน

1.คะแนนความพึงพอใจลูกค้าไม่ต่ำกว่า 80%

2.ข้อร้องเรียนด้านผลิตภัณฑ์และบริการลดลง 5% เทียบกับปี 2567

การดำเนินงานสำคัญ

พัฒนาช่องทางดิจิทัลเพื่อประสบการณ์ลูกค้าที่ดี

บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “MTI Friends” ให้เป็นศูนย์กลางบริการด้านประกันภัยแบบครบวงจร (One-Stop Service) โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการสำคัญได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส แอปพลิเคชันดังกล่าวรองรับการตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง การต่ออายุกรมธรรม์ออนไลน์ การซื้อประกันภัยรถยนต์และประกันภัยสุขภาพ รวมถึงการใช้สิทธิพิเศษด้านสุขภาพ ท่องเที่ยว ความงาม และไลฟ์สไตล์ ลูกค้ายังสามารถค้นหาจุดให้บริการต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาล อู่ซ่อม และสาขาใกล้บ้าน ตลอดจนติดตามสถานะคำร้องหรือเคลมแบบเรียลไทม์ และรับข่าวสาร โปรโมชั่น หรือกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัทได้ทันที การพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และกลายเป็นช่องทางหลักในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าในปี 2568

การสื่อสารและบริการลูกค้าหลายช่องทาง

บริษัทให้ความสำคัญกับการให้บริการที่ครอบคลุมทุกช่องทางเพื่อรองรับพฤติกรรมที่หลากหลายของลูกค้า โดยระบบ Call Center 1484 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบเลือกเมนูอัตโนมัติที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถแจ้งอุบัติเหตุ สอบถามข้อมูลประกันภัยรถยนต์ ซื้อประกันภัยประเภทต่าง ๆ หรือรับข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงบริการสำหรับสมาชิกเมืองไทย เฟรนด์สคลับ เพื่อมอบความช่วยเหลือที่เหมาะสมทันทีที่ลูกค้าต้องการ ในด้านการจัดการข้อร้องเรียน บริษัทจัดให้มีช่องทางรับเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ เว็บไซต์ อีเมล การยื่นเรื่องด้วยตนเอง หรือไปรษณีย์ พร้อมจัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการข้อร้องเรียนอย่างเป็นระบบ โดยมีการตรวจสอบ ติดตามผล และตอบกลับภายในมาตรฐานเวลาที่กำหนด (SLA) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรมและโปร่งใสที่สุด

การให้บริการหลังการขายและการจัดการสินไหม

เมืองไทยประกันภัยดำเนินการยกระดับการจัดการสินไหมเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และลดความยุ่งยากของลูกค้า โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการเคลมออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถแจ้งเคลมและติดตามสถานะได้อย่างสะดวก ทั้งยังจัดให้มีระบบคัดเลือกอู่ซ่อมและศูนย์บริการที่ผ่านมาตรฐานด้านคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ บริษัทยังจัดบริการพิเศษ เช่น “จุดจอดรถหนีน้ำ” สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งเป็นบริการฟรีเพื่อช่วยลดความเสียหายของทรัพย์สินลูกค้า ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ระยะเวลาในการพิจารณาสินไหมลดลง และสร้างความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของกระบวนการ รวมถึงช่วยลดจำนวนข้อร้องเรียนลงอย่างมีนัยสำคัญ

การสร้างความผูกพันกับลูกค้าผ่านสิทธิพิเศษและกิจกรรม

บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์และคุณค่าที่ดีแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านสิทธิพิเศษและกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ สิทธิพิเศษที่นำเสนอครอบคลุมในหลายหมวดหมู่ ได้แก่ สุขภาพ อาหารและเครื่องดื่ม ท่องเที่ยว ยานยนต์ ความงาม และบริการภายในบ้าน โดยลูกค้าสามารถเข้าร่วมรับสิทธิส่วนลดค่ารักษาพยาบาลและวัคซีนจากโรงพยาบาลพันธมิตร ส่วนลดการนวดเพื่อสุขภาพ โปรโมชั่นท่องเที่ยว รวมถึงบริการยานยนต์ในราคาพิเศษ ซึ่งทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ภายใน MTI Friends App เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ในส่วนของกิจกรรมสร้างความมีส่วนร่วม บริษัทจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น Movie Free Day, Chef for a Day, ปันยิ้ม ปั่นบุญ, กิจกรรมวันเด็ก และกิจกรรมเพื่อสังคมอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทและลูกค้า กิจกรรมเหล่านี้ช่วยเพิ่มระดับความพึงพอใจ กระตุ้นการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรด้านความรับผิดชอบต่อสังคมให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

การบริหารฐานข้อมูลลูกค้าอย่างปลอดภัย

บริษัทให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลลูกค้าเป็นอย่างมาก โดยปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด โดยจัดให้มีระบบจัดเก็บข้อมูลที่ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยสูง พร้อมกำหนดระดับสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามหน้าที่และความจำเป็น เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต พนักงานทุกระดับได้รับการอบรมเกี่ยวกับ PDPA และจริยธรรมในการใช้งานข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ บริษัทมีการใช้มาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านข้อมูลรั่วไหล อีกทั้งยังไม่เปิดเผยข้อมูลลูกค้าแก่บุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน มาตรการดังกล่าวช่วยสร้างความเชื่อมั่นและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

การจัดการข้อร้องเรียนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

บริษัทดำเนินการจัดการข้อร้องเรียนภายใต้หลักความโปร่งใส เป็นธรรม และเคารพสิทธิผู้บริโภค โดยจัดให้มีระบบรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นมาตรฐานและสามารถเข้าถึงได้จากทุกกลุ่มลูกค้า ลูกค้าสามารถแจ้งเรื่องผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ทั้งการติดต่อผ่าน Call Center เว็บไซต์หลักของบริษัท อีเมล การยื่นคำร้องด้วยตนเองที่สาขา รวมถึงการส่งเอกสารผ่านไปรษณีย์ ซึ่งช่วยให้กระบวนการรับฟังเสียงลูกค้าเป็นไปอย่างครอบคลุมและตรวจสอบได้ เมื่อบริษัทได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการจัดการแบบเป็นลำดับขั้น เริ่มจากการรับเรื่องและบันทึกรายละเอียด จากนั้นดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม ก่อนจะสรุปผลการดำเนินงานและแจ้งผลตอบกลับแก่ลูกค้า พร้อมดำเนินการปิดงานอย่างเป็นระบบ กระบวนการทั้งหมดดำเนินการภายในกรอบเวลาตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และตรงตามความคาดหวังของผู้บริโภค

การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล

ให้ความสำคัญกับบุคลากรในฐานะ “ทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร” การพัฒนาศักยภาพ การดูแลคุณภาพชีวิต การสร้างความผูกพัน และการส่งเสริมสิทธิและความเท่าเทียม เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทจึงกำหนดแนวทางการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดนโยบาย การดูแลสุขภาวะบุคลากร การพัฒนาทักษะและศักยภาพ รวมถึงการเคารพสิทธิมนุษยชนของพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

เป้าหมายการดำเนินงาน

1.คะแนนความพึงพอใจหรือความผูกพันธ์ของพนักงานไม่น้อยกว่า 70%

2.อัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานเท่ากับ 0 ราย


3.ชั่วโมงการอบรมของพนักงานทุกระดับ เฉลี่ย 15 ชั่วโมง/คน/ปี ขึ้นไป
การพัฒนานโยบายการดำเนินงาน
บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการกำหนดกรอบการบริหารงานด้านสังคมที่ครอบคลุมเรื่องการจ้างงาน การคุ้มครองสิทธิแรงงาน และการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยมีการทบทวนและปรับปรุงนโยบายการจ้างงานและการดูแลพนักงานให้สอดคล้องกับกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนสากล รวมถึงมีการทบทวนแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน และจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในองค์กร

ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568

บริษัทไม่มีการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน ภายใต้กระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใสและไม่เลือกปฏิบัติด้านเพศ อายุ เชื้อชาติ หรือศาสนา และดำเนินการจ้างผู้พิการเข้ามาทำงานตามมาตรา 33 (ลูกจ้างปกติ) จำนวน 4 คน จ้างตามมาตรา 35 (จ่ายสนับสนุนผ่านองค์กร) จำนวน 10 คน จ้างงานผู้สูงอายุที่มีความชำนาญ จำนวน 9 ท่าน นอกจากนี้ ยังได้จัดอบรมแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนให้พนักงานทุกระดับ และปรับปรุงระบบข่าวสรรหาภายในเพื่อให้ประกาศตำแหน่งงานเข้าถึงพนักงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม
การดูแลสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของบุคลากร

บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพนักงาน ผ่านกิจกรรมสร้างความผูกพัน การประเมินผลความพึงพอใจ และการสื่อสารด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การจัดพื้นที่การทำงานที่ปลอดภัย การส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกัน ไปจนถึงการจัดสวัสดิการที่ตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรในทุกช่วงวัย ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้จัดกิจกรรมสร้างความผูกพันหลายรูปแบบ เช่น การจัดงาน “MTI NEW YEAR PARTY 2025 ไทยแลนด์ ONLY ที่มีเมืองไทย” เพื่อสร้างบรรยากาศของความสุขและความร่วมมือ รวมถึงกิจกรรมวันวาเลนไทน์ “รักนะ แต่ไม่แสดงออก ฝาก HR บอกให้มั้ย…” เพื่อเสริมสร้างความรู้สึกอบอุ่นและความผูกพันในที่ทำงาน นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงสวัสดิการสำคัญ เช่น ปรับนโยบายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้พนักงานงานสามารถเลือกแผนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินของตนเองได้มากขึ้น

ผลดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568

อัตราการลาออกอยู่ที่ 5.49% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 5.20% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ยังอยู่ในระดับควบคุม และไม่มีอุบัติเหตุจากการทำงานที่รุนแรงเกิดขึ้น รวมถึงมีการบรรจุพนักงานใหม่ในตำแหน่งงานที่ว่างคิดเป็น 95.02% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 70%

การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร
บริษัทตระหนักว่าทักษะและความรู้ของพนักงานเป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน จึงจัดให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านทักษะวิชาชีพ ทักษะดิจิทัล ความปลอดภัย และทักษะที่เชื่อมโยงกับหลักธรรมาภิบาลและมาตรฐานด้าน ESG ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 บริษัทได้จัดอบรมตามแผนพัฒนาบุคลากร เช่น หลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับบริหาร หลักสูตร Cyber Security Awareness 2025 หลักสูตรด้าน ESG เช่น การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน หลักสูตรการจัดการขยะอย่างยั่งยืน รวมถึงหลักสูตรการใช้โปรแกรม Digital Technology เช่น CANVA และ AI

ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568

พนักงานทุกระดับได้รับการฝึกอบรมเฉลี่ย 6 ชั่วโมงต่อคนต่อปี ซึ่งแม้จะยังไม่ถึงเป้าหมาย 15 ชั่วโมงต่อปี แต่คิดเป็นสัดส่วนความสำเร็จ 40% ของเป้าหมายทั้งปี โดยบริษัทมีแผนเร่งรัดการจัดอบรมในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด
การเคารพสิทธิมนุษยชน
และการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเป็นธรรม

บริษัทได้สื่อสารนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมดำเนินการตรวจสอบความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในทุกกระบวนการดำเนินงาน โดยจัดช่องทางร้องเรียนที่เข้าถึงง่ายทั้งผ่านระบบ INTRANET กล่องรับข้อร้องเรียนแบบไม่เปิดเผยตัวตน รวมถึงช่องทางดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาสื่อสารช่องทางรับฟังความคิดเห็นและข้อร้องเรียนเพื่อให้สามารถติดตามและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม

ผลดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568

บริษัทไม่พบข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชนทั้งจากพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสามารถดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนของทุกกิจกรรมแล้วเสร็จ 100% ตามแผนงานที่กำหนด

การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยของคนทุกกลุ่ม (Inclusive Insurance)

บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นสร้างโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการประกันภัยได้อย่างเท่าเทียม ภายใต้วิสัยทัศน์ “ยิ้มได้ เมื่อภัยมา” ที่สะท้อนความตั้งใจขององค์กรในการดูแลทุกชีวิตในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีความเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้พิการ ครอบครัวรายได้น้อย แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบการรายย่อย และประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การดำเนินงานด้าน Inclusive Insurance ของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ การขาย การสื่อสาร ไปจนถึงการให้ความรู้ด้านประกันภัยอย่างทั่วถึง เพื่อให้ทุกคนสามารถรับความคุ้มครองได้ในราคาที่เหมาะสมและเงื่อนไขที่เข้าใจง่าย

บริษัทให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างแท้จริง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงวิจัย การสำรวจเทรนด์ตลาด และการประเมินความเสี่ยงของแต่ละช่วงวัย ผลิตภัณฑ์จึงถูกออกแบบให้แตกต่างกันตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น ประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุ ประกันสุขภาพในราคาย่อมเยา ประกันภัยโรคร้ายแรงเฉพาะทางสำหรับเด็ก หรือประกันภัยธุรกิจขนาดเล็กเพื่อลดภาระความเสี่ยงของผู้ประกอบการรายย่อย ทั้งหมดนี้ช่วยให้บริษัทสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริงและดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม

ในด้านการขาย บริษัทมุ่งเน้นการให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนและซื่อสัตย์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อขายผลิตภัณฑ์อย่างโปร่งใส ไม่สร้างความเข้าใจผิด และไม่ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทยังจัดให้มีช่องทางการขายที่หลากหลาย ทั้งผ่านสาขาทั่วประเทศ เครือข่ายตัวแทน และช่องทางดิจิทัล เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ที่ห่างไกล

ผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบ Inclusive Insurance ได้รับการพัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาสโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น โครงการ “รุ่นใหญ่ไฟกะพริบ” สำหรับผู้สูงอายุ ประกันสุขภาพ “ผู้หญิงยิ้มได้” ประกันมาดามแคร์สำหรับผู้หญิงยุคใหม่ ประกันอุบัติเหตุสำหรับเด็ก “Care for Kids” ประกันภัยโรคปอด ไข้เลือดออก สำหรับเด็ก และประกันภัยกีฬา Sports Fan สำหรับเยาวชนและคนทั่วไป ตลอดจนประกันภัยเบี้ยประกันราคาเริ่มต้นเพียงไม่กี่ร้อยบาท เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสได้รับความคุ้มครองอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกิจรายย่อย เช่น ประกันภัย SMEs เบี้ยเริ่มต้นเพียง 700 บาท ช่วยลดความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการรายย่อยดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจ รวมถึงประกันภัยบ้านและทรัพย์สินราคาย่อมเยาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับครอบครัวทั่วไป

ด้านการส่งเสริมความรู้ประกันภัย บริษัทได้จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ “สร้างความมั่นคงทางการเงินกับการประกันภัย” ในชุมชนวัดคลองเตย 2 ซึ่งมุ่งให้ความรู้ด้านการวางแผนความเสี่ยง การเลือกประกันภัยที่เหมาะสม และการใช้ประกันภัยเป็นเครื่องมือพยุงความมั่นคงทางการเงินของครัวเรือน มีผู้เข้าร่วมจำนวน 29 คน และเป็นตัวอย่างของการลงพื้นที่เพื่อสร้างการเข้าถึงด้านความรู้ในกลุ่มประชาชนฐานรากโดยตรง กิจกรรมลักษณะนี้ช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านความรู้ประกันภัย และทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังผลักดันการเข้าถึงผ่านช่องทางดิจิทัล โดยเฉพาะแอปพลิเคชัน Muang Thai Friends ที่รวบรวมบริการตรวจสอบกรมธรรม์ ซื้อประกัน ต่ออายุ แจ้งเคลม และรับสิทธิพิเศษ ซึ่งช่วยให้ลูกค้ากลุ่มใหม่และกลุ่มที่อยู่ห่างไกลสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ช่องทางดิจิทัลยังช่วยลดต้นทุนการเข้าถึงประกันภัยสำหรับประชาชนที่มีข้อจำกัดด้านเวลาและค่าใช้จ่าย เช่น ผู้สูงอายุ แรงงานอิสระ และผู้พิการ

การดำเนินงานด้าน Inclusive Insurance ของเมืองไทยประกันภัยจึงสะท้อนถึงบทบาทขององค์กรในการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มความเท่าเทียมในสังคม ตามหลักการ Leave No One Behind ของ SDGs โดยเฉพาะ SDG 1, 3, 8 และ 10 การขยายความคุ้มครองและการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างรับผิดชอบจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ทุกคนในสังคมสามารถ “ยิ้มได้ เมื่อภัยมา” อย่างแท้จริง

การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความหลากหลาย (Human Rights & Diversity)

เมืองไทยประกันภัยมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม และการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยยึดถือแนวปฏิบัติตามหลักการสากล ได้แก่ UN Guiding Principles on Business and Human Rights (UNGPs), ILO Standards รวมถึงกฎหมายแรงงานไทย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานและการให้บริการที่ปลอดภัย โปร่งใส และไม่เลือกปฏิบัติ

 

จัดทำนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนขององค์กร
บริษัทได้จัดทำนโยบายสิทธิมนุษยชนฉบับใหม่ที่ครอบคลุมพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และชุมชน พร้อมสื่อสารให้พนักงานทุกระดับรับทราบภายในเดือนมิถุนายน 2568 เนื้อหาครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่

- ไม่เลือกปฏิบัติตามเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา ความพิการ รสนิยมทางเพศ หรือสถานะอื่นใด
- คุ้มครองสิทธิแรงงานอย่างเป็นธรรม
- คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัว
- ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ผลดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568

- จัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน

- ปรับปรุงกระบวนการรับข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชนผ่านระบบ Intranet และกล่องรับฟังความคิดเห็นแบบไม่เปิดเผยตัวตน (Anonymous Drop Box)

- ไม่มีข้อร้องเรียนด้านการเลือกปฏิบัติ
การจัดการข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน

บริษัทมีช่องทางรับข้อร้องเรียนหลายรูปแบบเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น

- Intranet สำหรับพนักงาน

- กล่องรับเรื่องร้องเรียนแบบไม่ระบุตัวตน

- ช่องทาง Call Center 1484 และสาขา

- การตรวจสอบและพิจารณาข้อร้องเรียนอย่างเป็นธรรม

ผลดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568

- ข้อร้องเรียนจากพนักงาน = 0 กรณี
- ข้อร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชนจากผู้ใช้บริการ = 0 กรณี
- การตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

การส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของพนักงาน
บริษัทสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม โดยเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบ Inclusive Workplace ผ่านกิจกรรมและนโยบายที่เอื้อต่อความแตกต่าง เช่น

- สร้างโอกาสการจ้างงานผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีรายได้น้อย

- ปรับปรุงแบบประเมินความพึงพอใจของพนักงานให้สะท้อนประเด็นความปลอดภัย ความเท่าเทียม และสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร


- ส่งเสริมกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ เช่น วันวาเลนไทน์ “รักนะ แต่ไม่แสดงออก ฝาก HR บอกให้มั้ย..” เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน


- กลไก Employee Voice เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะทุกเดือน
การสื่อสารและให้ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน

บริษัทจัดการอบรมและสื่อสารให้องค์กรเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น

- ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนพื้นฐานและการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

- ป้องกันการกลั่นแกล้ง การคุกคามทางเพศ และการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม

- การสื่อสารผ่าน Intranet, E-Learning และสื่อภายในองค์กร

- อบรมหัวหน้างานและผู้บริหารให้เป็น Role Model ด้าน Human Rights & Diversity - การให้ความรู้ด้านประกันภัยแก่ กลุ่มเปราะบาง และชุมชน

- การให้บริการผ่านการเคลมทางออนไลน์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง
บริการ


- การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและภัยพิบัติ ด้วยการระดมรถยก รถลาก และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

การมีส่วนร่วมของพนักงาน

          บริษัทฯ จัดกิจกรรมทั้งภายในและภายนอก เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานตลอดทั้งปี

  • กิจกรรมทำบุญในวาระสำคัญต่างๆ
  • กิจกรรมอาสาสมัคร ตามความสมัครใจ อาทิ กิจกรรมอาสากล้าใหม่ร่วมกิจกรรม “วันออกหน่วยตรวจเด็กโรคหัวใจ” ของมูลนิธิเด็กโรคหัวใจ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 
  • กิจกรรมส่งเสริมด้านขวัญและกำลังใจ อาทิ งานจัดเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ

การดูแลและรักษาพนักงาน

การเปิดโอกาสให้พนักงานเข้าถึงบริการขององค์กร อาทิ การประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ให้พนักงานได้รับรู้โดยทั่วถึง และให้สิทธิพิเศษ อาทิ การลดราคาประกันภัยบางประเภท , การให้บริการผ่อนชำระรายเดือน , การให้ญาติของพนักงานได้ซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยในราคาพิเศษ

ความก้าวหน้าในการทำงาน บริษัทฯ พิจารณาปรับตำแหนง หรือการเลื่อนขั้นแก่พนักงาน ตามผลประเมินการปฏิบัติงาน ผลสำเร็จของงาน และศักยภาพของพนักงาน โดยมีตัวชี้วัด KPI และ Competency ที่ชัดเจน

การกำหนดและบริหารค่าตอบแทน บริษัทฯ มีนโยบายการบริหารค่าตอบแทน โดยกำหนดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารและพนักงาน ปีละ 2 ครั้ง โดยใช้ KPI เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในงาน เพื่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรม

การตอบแทนสังคม

  • สร้างหัวใจแห่งการเป็นผู้ให้

เพาะ “หัวใจอาสา” ให้แก่พนักงาน ตั้งแต่พนักงานที่เข้าใหม่ นำไปสู่พนักงานทุกระดับ ทั้งที่ประจำอยู่ในสำนักงานใหญ่และสาขาย่อยต่างจังหวัด ในนาม “อาสากล้าใหม่เมืองไทย” ปัจจุบันมีอาสาฯ จำนวน 70 รุ่น จำนวนกว่า 1,000 คน

  • เพื่อสังคมแห่งรอยยิ้ม
สร้าง “อาชีพเสริม” แก่คนพิการ เพื่อร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการไทย โดยทำมาตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบันมีเครือข่ายร่วมดำเนินงานมากกว่า 10 องค์กร ส่งเสริมอาชีพแก่ผู้พิการกว่า 300 คน ในพื้นที่ 10 จังหวัดทั่วประเทศ
สนับสนุน “กีฬา” เพราะกีฬาทำให้เกิดการพัฒนาที่ครอบคลุม ทั้งตัวนักกีฬา ครอบครัว ผู้ชม ชุมชน และประเทศชาติ โดยบริษัทฯ เป็นผู้สนับสนุนหลักของสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. และอีกหลายสโมสรทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งเป็นผู้สนับสนุนหลักฟุตบอลทีมชาติไทย

ตั้ง “ครัวมาดาม” เพื่อช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ด้วยการจัดทำข้าวกล่อง ครัวมาดาม รวมกว่า 150,000 กล่อง

มอบถุงยังชีพครัวมาดาม อีกกว่า 10,000 ถุง ให้แก่ผู้ที่ได้รับ ความเดือดร้อนในชุมชน โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม

  • สานต่อพลังแห่งการให้

ร่วมกับมูลนิธิมาดามแป้ง ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อขยายความช่วยเหลือคนไทยในหลากหลายพื้นที่และหลากหลายด้าน ทั้งการสนับสนุนด้านการแพทย์ การศึกษา ช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ประสบภัยต่างๆ และร่วมกับอาสากล้าใหม่ในการพัฒนาชุมชนให้เข็มแข็ง